หนุ่มนักออกแบบ แจ้งความ ตร.ยานนาวา หลังขับรถมาดีๆ จู่ๆ หญิงสาวกระโดดลงจากรถสองแถวก่อนพุ่งล้มขวางหน้ารถ นอนกลางถนนไม่ยอมลุก พอขับรถเบี่ยงหนี ก็ลุกโวยวายขอเงิน 100 บาท พอไม่ให้ก็ทุบรถผม โยนเหรียญ ใส่รถ ซึ่งเหตุการณ์ทั้งหมดกล้องหน้ารถสามารถบันทึกเอาไว้ได้ ก่อนถูกนำเผยแพร่ทางโซเชี่ยล เหตุเกิดภายในซอยเจริญกรุง 63 ล่าสุดพี่ชายหญิงสาวดังกล่าวแจง น้องป่วยทางจิต เตรียมเข้าเจรจาคู่กรณี
จากกรณีที่มีผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ “Heyy Jane” ได้โพสต์ข้อความพร้อมคลิปวิดีโอจากกล้องหน้ารถ ระบุ “ทุกวันนี้หาเงินก็ยากแล้ว ต้องมาเจออะไรแบบนี้อีก งานก็โดนก็อปแบบก็เครียดพออยู่แล้ว อย่าทำกันแบบนี้เลยครับ เค้ามาขอเงินผม 100 บาท ทุบรถผม โยนเหรียญใส่รถผม ดีที่รถผมมีกล้อง ผมเห็นแต่เพื่อนบ้านต่างประเทศวิ่งกระโดดใส่รถ แต่คราวนี้เจอกับตัวเอง กระโดดไปนอนบนถนนเฉย ผมเองก็ผิดที่ไม่ได้ลงไปดูเค้าเพราะผมก็กลัว เพราะว่าเค้าทำแบบนี้มันไม่ถูกครับ” โดยเป็นภาพขณะขับรถเข้าไปในซอยแห่งหนึ่ง ก่อนที่จะมีผู้หญิงเดินลงมาจากรถสองแถวที่แล่นอยู่ข้างหน้า ก่อนจะล้มตัวลงนอนบนพื้นถนน จนชาวบ้านละแวกดังกล่าวเข้ามาดู กระทั่งเจ้าของรถพยายามเบี่ยงออกเพื่อขับไปต่อ หญิงคนดังกล่าวจึงลุกขึ้นขวางหน้ารถ เจ้าของคลิปจึงตะโกนว่าไม่ได้ชน พร้อมบอกว่ามีกล้องบันทึกไว้ทุกอย่าง แต่หญิงคนดังกล่าวกลับเดินเข้ามาที่รถเพื่อขอเงิน 100 บาท เมื่อผู้เสียหายไม่ให้ก็มีการโวยวาย ตามที่ปรากฏในคลิป
เมื่อเวลา 01.00 น. วันที่ 2 ก.พ. นาย นฤพนธ์ แสงบุญเรือง อายุ 34 ปี นักออกแบบเครื่องประดับ ย่านสีลม เข้าแจ้งความกับร.ต.ท.ปุณวัฒน์ สุริยกุล ณ อยุธยา รอง สว.(สอบสวน) สน.ยานนาวา หลังถูกผู้หญิงที่ปรากฏตามคลิปวิดีโอ กระโดดลงจากรถโดยสารสองแถว ก่อนพุ่งล้ม ทำทีเหมือนถูกรถชน เพื่อเรียกร้องค่าเสียหายกับผู้ขับขี่ เหตุเกิดภายในซอยเจริญกรุง 63 แขวงยานนาวา เขตสาทร กรุงเทพฯ เมื่อช่วงหัวค่ำที่ผ่านมา
นายนฤพนธ์กล่าวว่า ขณะที่ตนขับรถยนต์มาสด้า 2 สีเทาดำ หมายเลขทะเบียน 5 กม 776 กรุงเทพมหานคร ไปภายในซอยเจริญกรุง 63 ขณะที่ขับรถตามรถสองแถวไปสักระยะหนึ่ง รถก็ได้จอดส่งผู้โดยสารลงที่จุดเกิดเหตุ พบว่ามีผู้หญิงคนดังกล่าวกระโดดลงมาจากรถสองแถว แล้วล้มลง และเมื่อมีคนมามุงดู ได้ส่งเสียงกรีดร้อง และลุกขึ้นมาเคาะกระจกรถของตนเอง ก่อนโยนเหรียญใส่หน้ากระโปรงรถ จนรถได้รับความเสียหาย และเรียกร้องเงินจำนวน 100 บาท ซึ่งตนเองก็ได้บอกว่ามีกล้องติดหน้ารถบันทึกเหตุการณ์ไว้ได้ทั้งหมด จึงไม่ยินยอมให้เงินตามที่ร้องขอ ซึ่งตนยอมรับว่าระหว่างเกิดเหตุไม่ได้ลงไปดูและให้การช่วยเหลือผู้หญิงคนนั้น เนื่องจากตกใจ และรีบที่จะไปรับภรรยาและบุตร ซึ่งตนเองมั่นใจว่าไม่ได้ขับรถชน หรือทำให้หญิงคนดังกล่าวบาดเจ็บแต่อย่างใด
โดยส่วนตัวเชื่อว่าการกระทำของผู้หญิงคนดังกล่าว อาจเกิดจากความเครียด ส่วนจะมีอาการป่วยหรือไม่นั้นไม่ทราบ แต่อยากฝากไปยังญาติพี่น้อง หากมีอาการป่วยควรพาไปรักษา และดูแลอย่างใกล้ชิดเพื่อความปลอดภัยของตนเองและผู้อื่น
ร.ต.ท.ปุณวัฒน์ สุริยกุล ณ อยุธยา กล่าวว่า จากการตรวจสอบคลิปเบื้องต้นไม่พบการเฉี่ยวชนตามการกล่าวอ้างของผู้หญิงที่ปรากฏในคลิปดังกล่าว ซึ่งจะประสานฝ่ายสืบสวนลงพื้นที่ติดตามหาตัวผู้หญิงที่ปรากฏในคลิป และนำตัวมาสอบสวนหาข้อเท็จจริงต่อไป ซึ่งผู้เสียหายได้ลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานแล้ว และไม่ติดใจเอาความแต่อย่างใด ซึ่งจะเร่งสืบสวนข้อเท็จจริงว่าจะเข้าข่ายการ กระทำผิดทำให้เสียทรัพย์หรือไม่ ก่อนดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป
ขณะที่ล่าสุดมีรายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจสืบทราบแล้วว่าหญิงสาวคนดังกล่าวเป็นใคร โดยได้ไปตรวจสอบที่บ้านซึ่งอยู่ไปไกลจากจุดเกิดเหตุ ก่อนพบกับพี่ชายของผู้หญิงคน ดังกล่าว ซึ่งทางด้านพี่ชายยืนยันว่าน้องสาวมีอาการป่วยทางจิต พร้อมนำหลักฐานการเข้ารักษาตัวอาการป่วยทางจิตที่โรงพยาบาลของน้องสาวมาแสดงและลงบันทึกประจำวันเอาไว้ โดยจะนัดหมายคู่กรณีในวันที่ 3 ก.พ.นี้ เวลา 13.00 น. ที่สน.ยานนาวา เพื่อชี้แจงและเจรจายอมความกันต่อไป
ต่อมาเวลา 21.00 น. นายใหญ่ (นามสมมติ) พี่ชายของหญิงสาวคนดังกล่าว เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า น้องสาวเป็นคนที่ปรากฏในคลิปจริง แต่ที่ทำไปเพราะมีอาการป่วย ทางจิต เข้ารับการรักษาตัวเป็นผู้ป่วยทางจิตที่ร.พ.สมเด็จเจ้าพระยา ตั้งแต่เมื่อปี 2554 ด้วยอาการของโรคจิตเภทมีลักษณะอาการเกิดภาพหลอนหรือหูแว่วไปเอง ภายหลังจากที่เจ้าตัวผิดหวังในความรัก โดยยืนยันว่าไม่เคยมีประวัติใช้ยาเสพติดแต่อย่างใด
นายใหญ่เผยต่อว่า ระหว่างเกิดเหตุตนไม่เห็นน้องสาวอยู่บ้าน ต่อมาน้องสาวกลับบ้านมาประมาณ 19.30 น. ได้ยินเสียงปิดประตูค่อนข้างแรงและดัง เห็นน้องสาวยืนพูดอยู่คนเดียวเข้าไปถามก็เกิดอาการคลุ้มคลั่งจับพัดลมเขวี้ยงทุ่มใส่ ตนเห็นท่าไม่ดีจึงแจ้งกู้ภัยฯให้มาช่วยพาไปรักษา ต่อมามีเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปคุยแล้วพาขึ้นรถไปส่งโรงพยาบาล โดยแพทย์ตรวจตั้งแต่ 23.00 น. วันที่ 1 ก.พ. จนถึงเวลา 14.00 น. วันนี้ (2 ก.พ.) ซึ่งผลตรวจสอบพบว่ามีความปกติทางร่างกายจริง
“ภายหลังจากที่ทราบเรื่องคู่กรณีก็โทร.มา พร้อมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ติดต่อมาให้ยืนยันตัวตน แล้วก็ได้ขอโทษคู่กรณีและยืนยันว่าน้องเป็นผู้ป่วยมีอาการทางจิต ตั้งแต่เกิดเรื่องมาผมรู้สึกเครียดมาก รู้สึกไม่ดีด้วยที่ดูแลน้องไม่ดี หลังจากที่พ่อแม่เสียชีวิตก็ต้องดูแลน้องสาว 2 คน ยืนยันว่าปกติแล้วน้องสาวที่ก่อเหตุก็ใช้ชีวิตได้ตามปกติภายหลังหยุดเรียนไปตั้งแต่ม.2 ตอนนี้เรียนกศน. จะจบระดับชั้นม.ปลาย คาดว่าสาเหตุที่เกิดอาการดังกล่าวขึ้นมาอีก เนื่องจากการหลีกเลี่ยงที่จะกินยาที่แพทย์สั่งและน้องสาวผมไม่ได้เป็นแก๊งต้มตุ๋นตามที่ปรากฏเป็นข่าว ภายหลังจากที่เผยแพร่ผ่านโซเชี่ยลมีเดียไปทำให้ได้รับผลกระทบกับครอบครัวเป็นอย่างมาก อยากขอพื้นที่ให้ครอบครัวผมยืนอยู่ในได้สังคมบ้างแค่นั้น อย่างไรก็ตาม พรุ่งนี้เวลา 13.00 น. ผมจะ เดินทางไปพบเจ้าหน้าที่ตำรวจที่สน.ยานนาวา เพื่อพูดคุยไกล่เกลี่ยกับคู่กรณีอีกครั้ง” นายใหญ่กล่าวยืนยัน
ที่มา https://www.khaosod.co.th