คุมสมุน ด.ต.โหดฆ่าหักคอเจ้าแม่เงินกู้อุดรฯ ทำแผน เริ่มจากพาศพไปเผานั่งยางในป่ากุดจับ เอายางรถยนต์ครอบร่าง นั่งไหว้ขอขมา ราดน้ำมันแล้วจุดไฟเผา ขณะที่ด.ต.ตัวการติดคุกตลอดชีวิตในเรือนจำ ญาติไม่เชื่อทำกันแค่ 2 คน น่าจะมีนางนกต่อด้วย...
จากคดีฆ่าเผานั่งยาง นางบังอร ทองอ่อน อายุ 52 ปี เจ้าแม่เงินกู้ ที่ “สุสานเผานั่งยาง” ที่ป่าสงวนแห่งชาติป่ากุดจับ บ้านคำบอนเวียงชัย ต.หนองแวง อ.บ้านผือ จ.อุดรธานี ที่ญาติร้องขอให้รื้อคดีหลังผ่านไป 2 ปี จนตำรวจต้องใช้มาตรา 44 นำมาซึ่งการออกหมายจับ 2 ผู้ต้องหา นายบุญหนา ทองงาม อายุ 57 ปี และ ด.ต.ปราโมทย์ บุพศรี อายุ 63 ปี อดีตตำรวจสภ.บ้านผือ ที่เป็นคนหักคอฆ่านางบังอร ก่อนนำศพไปเผานั่งยาง
ความคืบหน้ากรณีดังกล่าว เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 17 พ.ค. พล.ต.ต.พีระพงศ์ วงษ์สมาน ผบก.ภ.จ.อุดรธานี พ.ต.อ.พรชัย บุญรอด ผกก.สภ.บ้านผือ พ.ต.อ.บรรจบ สีหานาวี ผกก.สอบสวน ภ.จ.อุดรธานี ควบคุมตัว นายบุญหนา ทองงาม อายุ 57 ปี อยู่บ้านเลขที่ 12 หมู่ 2 บ้านภูดง ต.โนนทอง อ.บ้านผือ จ.อุดรธานี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดอุดรธานี ที่ 192/2559 "ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน เพื่อตระเตรียมการ หรือเพื่อสะดวกในการที่จะทำความผิดอย่างอื่น ร่วมกันชิงทรัพย์โดยมีอาวุธ หรือโดยร่วมกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป จนเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย และร่วมกันซ่อนเร้น ย้ายหรือทำลายศพ หรือส่วนของศพ เพื่อปิดบังการตายหรือเหตุแห่งการตาย" ไปทำแผนประทุษกรรมประกอบคำรับสารภาพ
จุดแรกตำรวจควบคุมตัวนายบุญหนา ไปที่สุสานเผานั่งยาง ภายในป่าสงวนแห่งชาติป่ากุดจับ หมู่ 3 บ้านคำบอนเวียงชัย ต.หนองแวง อ.บ้านผือ ท่ามกลางชาวบ้านที่ทราบข่าวมามุงดูเหตุการณ์จำนวนมาก โดยนายบุญหนา และผู้แสดงแทน ด.ต.ปราโมทย์ ได้ขับรถกระบะโตโยต้า วีโก้ สีดำ ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน ซึ่งเป็นรถของ ด.ต.ปราโมทย์ ขับบรรทุกศพและยางรถยนต์ 2 เส้น เข้ามาในป่าลึกประมาณ 300 เมตร นำร่างนางบังอร ที่ถูกหักคอฆ่าลงมาจากรถ ก่อน ด.ต.ปราโมทย์ จะใช้มีดตัดกระเป๋าคาดเอวเอาทรัพย์สิน แล้วนำยางรถยนต์ครอบร่างผู้ตายในสภาพนั่งไหว้ขอขมา แล้วราดน้ำมันเบนซิน จุดไฟเผา แต่ศพไหม้ไม่หมด จึงต้องนำยางรถยนต์มาเผาเพิ่ม ใช้เวลาทำแผน 1 ชม.
จุดที่ 2 บริเวณกระท่อมนานางบังอร เป็นจุดที่นางบังอรถูก ด.ต.ปราโมทย์ ฆ่าหักคอ อยู่ท้ายหมู่บ้านดงบัง ต.โนนทอง ประมาณ 5 กม. มีชาวบ้านและญาตินางบังอร เดินทางมาดูนายบุญหนาทำแผนจำนวนมาก ประมาณ 200 คน ท่ามกลางอากาศร้อนอบอ้าว พล.ต.ต.พีระพงศ์ วงษ์สมาน ผบก.ภ.จ.อุดรธานี เกรงว่านายบุญหนา ผู้ต้องหาจะไม่ปลอดภัย ถูกชาวบ้านและญาติผู้ตายรุมประชาทัณฑ์ จึงสั่งให้ตำรวจควบคุมฝูงชนกันชาวบ้านและญาติให้ออกห่างจากกระท่อมนาประมาณ 100 เมตร ใช้เวลาประมาณ 30 นาที
จุดที่ 3 ริมสะพานข้ามห้วยบ้านดง ต.โนนทอง อ.บ้านผือ เป็นจุดที่นายบุญหนา มารับเงินส่วนแบ่งจาก ด.ต.ปราโมทย์ 14,000 บาท และจุดที่ 4 นายบุญหนาขี่รถจักรยานยนต์ผู้ตาย ไปทิ้งที่หนองน้ำสาธารณะหลังโรงเรียนหนองหัวคูปวงประชานุเคราะห์ ต.หนองหัวคู อ.บ้านผือ จ.อุดรธานี โดยตลอดการทำแผนประกอบคำรับสารภาพ นายบุญหนา ได้บอกเล่าเหตุการณ์การฆาตกรรมนางบังอรอย่างคล่องแคล่ว ไม่ติดขัด และไม่มีท่าทีสะทกสะท้าน เมื่อทำแผนฯ เสร็จตำรวจควบคุมตัวไปฝากขังที่ศาล จ.อุดรธานี ทันที
ทางด้าน นางถาวร ศรีเมือง อายุ 47 ปี น้องสาวนางบังอร เปิดเผยความรู้สึกว่า หลังรู้ข่าวว่าตำรวจจับคนร้ายที่ฆ่าพี่สาวได้ 2 คน ก็รู้สึกพอใจในระดับหนึ่ง แต่ในใจยังเชื่อว่าคนร้ายมีมากกว่า 2 คนแน่นอน เพราะตามปกติผู้ตายจะเป็นคนระมัดระวังตัว ไม่ออกไปไหนมืดค่ำหากไม่มีญาติหรือเพื่อนสนิทโทรศัพท์หา และก่อนพี่สาวจะถูกฆาตกรรม ได้มีเพื่อนโทรศัพท์หาและชวนไปดื่มเหล้าที่กระท่อมนา ซึ่งจะมีเพื่อนผู้หญิงที่สนิทสนม 4 คน ไปดื่มกินและเล่นที่กระท่อมนาด้วยตลอด จะต้องมีนางนกต่อรู้เห็นและโทรศัพท์เรียกผู้ตายออกมาฆ่า ส่วน ด.ต.ปราโมทย์ 1 ใน 2 ผู้ต้องหาเคยยืมเงินผู้ตาย แต่ไม่รู้ว่ากี่บาท แต่ผู้ตายมักจะบ่นให้ฟังตลอดว่า ไม่อยากให้ยืม เพราะยืมไปก็ไม่ได้คืน แถมยังถูกข่มขู่ด้วย
สำหรับ ด.ต.ปราโมทย์ ปัจจุบันติดคุกในเรือนจำคลองไผ่ จ.นครราชสีมา คดียิง น.ส.วารุณี ชัยรินทร์ อายุ 40 ปี หัวหน้าส่วนการคลัง อบต.จำปาโมง อ.บ้านผือ จ.อุดรธานี เสียชีวิต
เหตุเกิดเมื่อกลางดึกวันที่ 29 พฤศจิกายน 2554 ศาลตัดสินเมื่อปี 2558 ให้ประหารชีวิต ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพ ลดเหลือจำคุกตลอดชีวิต.
ที่มา https://www.thairath.co.th