วันที่ 7 มิ.ย. พ.ต.ต.ศิริชัย โพธิจักร สารวัตร (สอบสวน) สภ.ห้วยหลวง จ.อุดรธานี ได้รับแจ้งว่าเกิดเหตุไฟไหม้บ้านเรือนบ้านประชาชน ที่บ้านเชียงยืน หมู่ 1 ต.เชียง อ.เมือง จ.อุดรธานี จึงรุดไปตรวจสอบพร้อมพ.ต.ท.สมโภชน์ ประจิตร รองผกก.หัวหน้า สภ.ห้วยหลวง รถดับเพลิงจากเทศบาลตำบลเชียงยืน เทศบาลตำบลเชียงพิณ เทศบาลเมืองหนองสำโรง เทศบาลนครอุดรธานี ประมาณ 10 คัน และมูลนิธิอุดรสว่างเมธาธรรม
ที่เกิดเหตุพบว่าบ้านต้นเพลิงคือบ้านเลขที่ 92 เป็นบ้านครึ่งไม้ครึ่งปูน 2 ชั้น ขณะนั้นเพลิงได้ลุกไหม้อย่างรุนแรง ชาวบ้านที่มีบ้านอยู่ติดกับบ้านต้นเพลิง ได้เร่งขนถ่ายทรัพย์สินที่มีค่าออกจากบ้าน และขณะที่รถดับเพลิงยังไปไม่ถึงที่เกิดเหตุ ไฟได้ลุกลามไหม้ไปยังบ้านเลขที่ 91 และบ้านเลขที่ 101 ที่อยู่ข้างเคียง และทราบว่าเจ้าของบ้านต้นเพลิงคือนายชาย ด้วงสะดี อายุ 72 ปี ได้วิ่งขึ้นไปบนบ้านเพื่อที่จะทำการยกสะพานไฟลง เพราะเกิดไฟฟ้าลัดวงจรในบ้าน แต่เกิดสำลักควันไฟไม่สามารถกลับลงมาได้ จึงถูกไฟไหม้ย่างสดเสียชีวิต ส่วนนางดวงปี ซุยสียา อายุ 65 ปี ภรรยาของผู้ตาย ได้วิ่งออกมาจากบ้านทัน หลังรู้ว่าสามีถูกไฟคลอกตาย ก็ทำให้เป็นลมหมดสติไป เจ้าหน้าที่ได้นำตัวส่ง ร.พ.ศูนย์อุดรธานี และญาติผู้ตายบางคนหลังทราบเรื่องถึงกับเป็นลมเช่นเดียว ต้องหามมาปฐมพยาบาล ที่บ้านฝั่งตรงข้าม
หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ดับเพลิงใช้เวลาเกือบ 2 ชั่วโมง จึงสามารถควบคุมเพลิงเอาไว้ได้ หลังไฟสงบเจ้าหน้าที่ตรวจสอบพบว่าไฟได้ไหม้บ้านวอดไปทั้งหมด 3 หลัง ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้ขึ้นไปนำร่างของนายชาย เจ้าของบ้านต้นเพลิงที่โดนไฟไหม้ดำเป็นตอตะโก เสียชีวิตอยู่บนชั้นสองของบ้านลงมา
จากการสอบสวนนายบุญจันทร์ เฉลิมสิม อายุ 38 ปี เจ้าของบ้านเลขที่ 91 บ้านที่อยู่ใกล้เคียงและโดนไฟไหม้วอดไปทั้งหลังด้วย ให้การว่า ในขณะที่ตนนั่งเล่นกับลูกอยู่ชั้นล่างในบ้าน ก็ได้กลิ่นเหม็นไหม้ จึงวิ่งขึ้นไปบนบ้านที่ชั้นสอง เห็นเพลิงลุกไหม้จากบ้านของนายชาย และกำลังลุกลามมาไหม้บ้านของตน จึงได้ยกสะพานไฟลง แล้วก็ได้พาลูกวิ่งออกมาจากบ้าน โดยไม่ได้นำทรัพย์สินที่มีค่าติดตัวออกมาจากบ้านเลย ทำให้ทรัพย์สินทั้งหมดพร้อมบ้านตนได้วอดไปในกองเพลิงด้วย แต่โชคดีที่ตนกับลูกปลอดภัยไม่เป็นอะไร
พ.ต.ต.ศิริชัย เปิดเผยว่า สาเหตุเบื้องต้นเกิดไฟฟ้าลัดวงจรที่บ้านเลขที่ 92 ซึ่งเป็นบ้านต้นเพลิง โดยเจ้าของบ้านต้นเพลิงได้ขึ้นสับสะพานไฟลง แต่ได้สำลักควันไฟแล้วก็สลบไม่รู้ตัว จึงได้ถูกไฟคลอกชีวิต อย่างน่าอนาถ โดยจะให้เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน ไปทำการเก็บหลักฐาน เพื่อหาสาเหตุเพลิงไหม้ในครั้งนี้ ซึ่งค่าเสียหาย ประมาณ 1 ล้านบาท ซึ่งจะทำการสอบปากคำภรรยาผู้ตาย และเจ้าของบ้านอีก 2 หลัง อย่างละเอียดครั้ง ส่วนผู้เสียชีวิต ให้เจ้าหน้าที่นำไปเก็บไว้ ที่ร.พ.ศูนย์อุดรธานี เพื่อให้มาติดต่อรับไปบำเพ็ญกุศลตามประเพณีต่อไป
ที่มา https://www.khaosod.co.th